ตายแล้วไปไหน – ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ – อยากรู้ต้องลองอ่านดู

เข้าใจขันธ์ห้า

คำถามยอดฮิตของมนุษย์คือ เมื่อตายแล้ว จะไปไหน จะตอบคำถามนี้ได้ จำเป็นต้องทำาความเข้าใจเรื่องขันธ์ห้าอันเป็นองค์ประกอบที่สร้างร่างกายและจิตใจของมนุษย์เสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่า ส่วนไหนของก้อนชีวิตนี้จะถูกทิ้งไว้บนโลกนี้ และ ส่วนไหนจะต้องเดินทางกลับเข้าสู่ถนนวงแหวนต่อไป
พระพุทธเจ้าบอกว่า ร่างกายจิตใจของมนุษย์ประกอบ ไปด้วยธาตุธรรมชาติห้ากลุ่มที่มาอยู่รวมกันและทำางานร่วมกัน เรียกขันธ์ห้า มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คือ มีส่วนของตัวกายที่หล่อๆสวยๆ และส่วนจิตใจที่มองไม่เห็น แต่มีอยู่
ตายแล้วไปไหน - ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ _01
เรามาทำความรู้จักสองขันธ์พื้นฐานก่อน คือ เรามี   ตัวกาย (ร้ปขันธ์) และตัวใจ (วิญญาณขันธ์)
ตายแล้วไปไหน - ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ _02
ตัวกายหรือเปลือกของเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ในโลกภายนอก เช่น ตื่นขึ้นมาก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว ออกไปข้างนอก ก็เกี่ยวข้องกับคนเดินถนน คนขายของ ไปทำางาน ก็ต้องยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีทั้งเหตุการณ์บวกและลบ เหตุการณ์เหล่านี้จึงเหมือนข้อม้ลหลากหลายของชีวิตประจำวันที่มาในรูปของ ภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ต้องเดินผ่านสะพาน ตา หู จมูก ลิ้น กาย เข้ามาในโลกภายใน เพื่อรายงานต่อตัวใจ ซึ่งเป็นตัวจริงของเรา เมื่อเดินทางเข้ามาในโลกของใจแล้ว ข้อม้ลเหล่านั้นก็เปลี่ยนจากรูปเป็นนาม จึงกลายเป็น ความจำ (สัญญาขันธ์) ความคิด (สังขารขันธ์) และความรู้สึก (เวทนาขันธ์) เมื่อนำสามขันธ์นี้มารวมกัน ก็กลายเป็น “จิต” ของมนุษย์ ซึ่งก็ยังเก็บข้อมูล (data) ของเหตุการณ์ต่างๆจากโลกภายนอก เมื่อจิตมาปะทะตัวใจ จึงเกิดสภาวะที่เรียก จิตใจ ซึ่งมาจาก จิต+(ตัว)ใจ ดังภาพที่เห็นข้างล่าง
-ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้-_03.jpg
แทนที่จะเรียกแยกเป็น ความคิด ความจำ ความรู้สึก หรือ “จิต” ซึ่งเป็นคำที่ถูกใช้อย่างกำกวม คือถูกใช้เป็น ประธานบ้าง เป็นกรรมบ้าง จึงตั้งศัพท์ใหม่เพื่อให้ง่าย ต่อการสื่อสารและเข้าใจ โดยแทนนามขันธ์ทั้งสามนี้ด้วย คำว่า “เจอรี่” หรือ “หนูเจอรี่” โดยสภาวะแล้ว เจอรี่ก็คือ เสียงที่พูดในหัว จินตภาพที่เห็นในหัว พร้อมทั้งความรู้สึกในใจที่มนุษย์ทุกคนคุ้นเคย ฉะนั้น จะได้สมการเช่นนี้

ภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัส = ความคิด ความจำ ความรู้สึก (จิตหรือเจอรี่)
เจอรี่ภายนอกห้าตัว = เจอรี่ภายในสามตัว
รูป = นาม

                 เนื่องจากจิตหรือเจอรี่เป็นพลังงาน (นาม) หนูทั้งสามตัวนี้จึงสามารถกระจายออกลูกหลานเป็นกองทัพของหนูเจอรี่ที่สามารถถล่มตัวใจของเราจนเจ็บปวด โดยสภาวะ คือ อาการคิดมาก ฟู้งซ่าน คิดวนเวียน คิดซ้ำซาก นั่นเอง
-ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้-_04.jpg

ศัตรูสามตัว

เจอรี่ขาวและเจอรี่ดำ คือจุดเริ่มต้นของปัญหาชีวิตที่ทำ ให้มนุษย์สร้าง กรรมขาว กรรมดำ หรือ ทำบุญ ทำบาป เรื่องบุญ หรือ กรรมขาว ยังไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่ได้เป็นปัญหามากเท่ากับกรรมดำอันเป็นผลพวงของเจอรี่ตัวดำ หรือ ความคิดฝ่ายลบนั่นเอง
ตัวใจของมนุษย์ทุกคนซึ่งเปรียบเหมือน แมวทอม ล้วนมีศัตรูสามตัวที่กำลังทำร้ายตัวใจของเราอยู่ภายในทั้งสิ้น ทุกครั้งที่คิดและรู้สึกในเรื่องที่ไม่พึงประสงค์และเจ็บปวด ก็เปรียบเหมือนหนูทั้งสามตัวกำลังเอาของมีคมมาทิ่มแทง มาเฉาะ มาสับตัวใจของเราอย่างสนุกสนาน ตัวใจของมนุษย์ล้วนถูกศัตรูสามตัวนี้รุกระทืบ ถล่มอยู่เสมอ เพราะตัวใจเป็นตัวจริง เมื่อถูกศัตรูทำร้ายเช่นนี้ จึงเจ็บปวดมากกว่า ปัญหาจิตใจจึงเป็นปัญหาที่หนักหน่วงอันตรายมากกว่าความเจ็บของตัวกายซึ่งเป็นเปลือก
-ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้-_05.jpg

มรณัง จุติ

การตายของตัวกายซึ่งเป็นตัวปลอม เรียก มรณัง เวลาไปงานศพ จะเห็นภาพคนตาย ใต้ภาพจะเขียนว่าชาตะหรือเกิดวันที่เท่าไร และมรณังหรือตายวันที่เท่าไร นั่นเป็นการตายของตัวกาย (รูปขันธ์) ซึ่งทำจากดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อตัวกายหยุดทำางาน ธาตุเหล่านี้ก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติเหมือนเดิม ถูกทิ้งไว้บนโลกนี้ แต่ตัวใจซึ่งเป็นตัวจริงของเราจะต้องเดินทางต่อไป การเดินทางของตัวใจนี้จะพ่วงเอาจิตหรือเจอรี่ที่ได้เก็บข้อมูลการกระทำหรือข้อมูลกรรมของเราไปด้วย นั่นคือ จิตกับใจ หรือ ทอมกับเจอรี่ รวมทั้งหมดสี่ขันธ์จะเดินทางไปทั้งยวง จิตหรือเจอรี่ จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะไปที่ดี (สุคติภูมิ) หรือ จะไปที่ไม่ดี (ทุคติภูมิ)
คนที่ได้ทำกรรมดีมามาก ย่อมสะสมเจอรี่ขาว มาก ก็จะเอาข้อมูลกรรมที่ดีๆติดตัวไป
ตายแล้วไปไหน - ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ _06
แต่คนที่ทำากรรมดำมามาก ทำกรรมขาวน้อย ย่อมสะสมเจอรี่ดำไว้มาก ก็จะเอาข้อมูลกรรมที่ดำๆติดตัวไปทั้งยวงเช่นกัน
-ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้-_07.jpg
เจอรี่ทั้งดำและขาว (กรรมดำ กรรมขาว บาป บุญ) จึงเป็นเหมือน “หนังสือเดินทางพร้อมวีซ่า” ที่เบิกทางให้ตัวใจไปสู่ทุคติภูมิ หรือ สุคติภูมิ การกระทำต่างๆตั้งแต่ กายกรรม วจีกรรม และกายกรรม ที่เราได้ทำบนโลกนี้ในขณะที่มีชีวิตอยู่นั้นเปรียบเหมือนเรากำลังไปขอวีซ่าเพื่ออนุญาตให้เราไปอยู่ในภพภูมินั้นๆที่เราเลือกจะไป อยากขอวีซ่าไปสุคติภูมิ ก็ต้องรักษาศีลห้า ทำบุญ ให้ทาน มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทำดีทั้งต่อหน้าและลับหลังคน กฏแห่งกรรมก็จะสแตมพ์วีซ่า ให้ไปสุคติภูมิ หากใครอยากไปทุคติภูมิ ก็ทำได้โดยผิดศีลทุก ข้อเป็นอาจิณ อะไรเลวๆ ทำให้หมด โลภ โกรธ เกลียด อิจฉา โกง กิน(บ้านกินเมือง) ทุจริตทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำบุญแบบผักชีโรยหน้า ใครที่ทำเช่นนี้ได้ กฏแห่งกรรมก็จะสแตมพ์ให้ไปทุคติภูมิ นี่เป็นทางเลือกทีอิสระเสรีของมนุษย์บนโลกนี้ทุกคนว่า อยากจะขอวีซ่าไปอยู่ภพภูมิไหนหลังจากตายแล้ว ก็ต้องทำกรรมไปตามเหตุปัจจัยเพื่อจะได้ไปอยู่สถานที่นั้นๆ ตามที่เราต้องการ โลกมนุษย์เป็นสถานที่ของการสร้างกรรม ที่จะตกแต่งบ้านในอนาคตหลังจากที่ตัวปลอมมรณังแล้ว ตัวใจ(ตัวจริง)ก็จะจุติและอุปบัติไปอยู่ สถานที่ใหม่ตามวีซ่าที่ได้ขอไว้แล้ว และต้องอยู่จนกว่าจะหมดอายุขัยของภพภูมินั้นๆ เมื่อวีซ่าออกให้แล้ว ก็ถอนไม่ได้อีก จำเป็นต้องไปอยู่ใช้กรรม จนกว่าจะหมดอายุขัย นี่คือภาพกว้างๆของการทำางานของกฏแห่งกรรม (การกระทำา) ฉะนั้น ใครอยากตัดสินใจขอวีซ่าไปอยู่ภพภูมิไหน ก็ได้ทั้งนั้น เป็นสิทธิส่วนตัวของมนุษย์แต่ละคน เพียงต้องทำกรรมให้เหมาะสมกับภพภูมิที่ต้องการไปอยู่เท่านั้น เพื่อช่วยการตัดสินใจของคุณว่าอยากจะขอวีซ่า ไปอยู่ภพภูมิไหน ข้อมูลคร่าวๆมีดังนี้คือ

· ทุคติภูมิ หมายถึง สถานที่หรือภูมิประเทศที่อยู่ยาก อยู่ลำบาก อยู่อย่างอดอยาก ต้องถูกทรมาน อยู่
อย่างเป็นทุกข์มาก มีสามแห่งคือ สัตว์เดรัจฉาน เปรต และสัตว์นรก มีตัวอย่างให้เห็นว่าสัตว์เดรัจฉานอยู่อย่างไร

· สุคติภูมิ หมายถึง สถานที่หรือภูมิประเทศที่อยู่ง่าย อยู่สบาย ไม่ลำบาก ซึ่งมีสามแห่งใหญ่ๆเช่นกัน คือ โลกมนุษย์ สวรรค์ซึ่งมีหกชั้น และ พรหมโลก

ตายแล้วไปไหน - ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ _08

ปีกซ้ายขวาของคุกชีวิต

ชาวพุทธส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่า การไปเกิดในสวรรค์ หรือ ไปเมืองพรหมเป็นเรื่องดี จนมีชาวพุทธมากมายตั้งจิตอธิษฐานที่จะขอเกิดในสวรรค์ คิดว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายไปตลอด ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
ตายแล้วไปไหน - ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้ _09
เพราะว่า ภพภูมิทั้งหกเปรียบเหมือน ปีกซ้าย และ ปีกขวา ของคุกชีวิตเท่านั้น หากเราเป็นนักโทษที่ดี ก็จะถูกส่งไปอยู่ปีกซ้ายของคุกซึ่งจัดไว้สำหรับนักโทษที่ประพฤติตัวดีทั้งหลาย คือ ทำกรรมขาว ทำบุญมามาก เหมือนตบรางวัลให้มีความเป็นอยู่ที่สบายหน่อย ไม่ลำบาก อยู่ในภูมิประเทศที่สวยงาม แต่หากใครเป็นนักโทษที่เลว ทำากรรมชั่วมาก ก็จะถูกส่งไปอยู่ปีกขวาของคุก อันมีภูมิประเทศที่แห้งแล้ง อยู่ยากต้องอยู่อย่างทรมาน อดๆอยากๆมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นนักโทษในปีกซ้ายหรือปีกขวาของคุกชีวิตแล้ว เมื่อหมดอายุขัยของภพภูมินั้นๆแล้ว ก็ต้องตายอีก หรือจุติอีก คือ ตัวใจ(ตัวจริง) ต้องเคลื่อนต่อไป โดยหลักการกว้างๆ แล้ว ภพภูมิมนุษย์จัดเป็นภพภูมิกลางๆเป็นเวทีของการ “ใช้กรรมเก่า” และเปิดโอกาสให้ “สร้างกรรมใหม่” ได้ด้วย ส่วน ภพภูมิที่เหลือทั้งห้า เป็นภพภูมิของการ “ใช้กรรมเก่า” เพียงอย่างเดียว คือ ใช้ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วที่ได้ทำในขณะอยู่ภพภูมิมนุษย์ เมื่อใช้กรรมเสร็จแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว ตัวใจ(ตัวจริง)ของทุกชีวิตจะได้มีโอกาสกลับมาตั้งหลักใหม่ในภพภูมิมนุษย์อีก

ดินแดนแห่งโอกาส

ภพภูมิมนุษย์จึงเป็นดินแดนแห่งโอกาสที่แท้จริง เพราะการมาเกิดเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนานี้ หมายความว่า เรามีโอกาสที่จะเรียนรู้หนทางที่จะพาเราออกจากคุกชีวิตอย่างถาวรได้ นั่นคือ ต้องเลือกทำกรรมอีกชนิดหนึ่งเรียก อกรรม อันเป็นกรรมที่ไม่ทอดทั้งเงาดำาหรือเงาขาวที่จะพาตัวใจกลับเข้าถนนวงแหวนและติดคุกชีวิตอีก อกรรม คือ การปฏิบัติสติปัฏฐานสี่  วิปัสสนา หรือ พาตัวใจกลับบ้าน
-ทำไมเราถึงมาเกิดในโลกนี้-_10.jpg