ข้อแนะนำ มาตราฐานความปลอดภัย ในการติดตั้ง ตอม้อ Concrete Footing และ ขาเสา Footing Plate
ขอบเขตของงาน (Scope of Work)
- หน้าที่ ผู้ว่าจ้าง จัดเตรียมสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างสะดวกต่อการทำงาน, มีไฟฟ้า และ น้ำใช้ชำระล้างในสถานที่ มีผู้ติดต่อประสานงาน มีมาตราฐานในการรักษาความปลอดภัยการทำงานในพื้นที่หน้างาน จัดเตรียมให้เรียบร้อย
- หน้าที่ ผู้รับจ้าง ล้างทำความสะอาด ซ่อมเปลี่ยนชิ้นส่วน และ ติดตั้งนั่งร้าน (Scaffolding) ตามมาตราฐานความปลอดภัย จัดการหาแรงงานที่มีความชำนาญ ประสบการณ์ และ เครื่องมืออุปกรณ์ในการทำงาน พ่นยิงทรายทำความสะอาดเตรียมผิว (Surface Preparation), จัดทีมงานเคลือบน้ำยาลงเคลือบสี และ จัดทีมงานตรวจสอบคุณภาพ ( Inspection Test) โดยมีบุคคลากรของผู้ว่าจ้างเป็นผู้ควบคุม (Audit) การตรวจให้เรียบร้อย ก่อนรับมอบงาน
1) งานปูน, ฐานปูน หรือ แท่นคอนกรีต
= งานเทหล่อแท่นเครื่อง ปูนคอนกรีตเสริมแรง ( Reinforced Portland Cement ) แบบ Concrete Casting =
โครงเหล็กเสริมแรงภายในคอนกรีต ควรทำตามแบบกำหนดของ บริษัท ที่ปรึกษาฯ เช่น ใช้เหล็กข้ออ้อย ขนาด Ø 16 mm. ( 5 หุน ) ผูกเป็นรูปสี่เหลี่ยม แบบตะกร้อ ทุกๆ ระยะห่าง 20 ซม. ห่างจากขอบปูนโดยรอบ ประมาณ 1”
<— งานหล่อแท่นคอนกรีต ฐาน แท่นหลัก และ แท่นรอง โครงเหล็กเสริมแรงภายใน เหล็กข้ออ้อย ขนาด Ø 16 มิล 12 มิล และ 9 มิล ตามลำดับ ผูกเหล็กเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบตะกร้อ ทุกๆ ระยะห่าง 20 ซ.ม ห่างจากขอบปูนโดยรอบ ประมาณ 4 – 7 ซ.ม
เทปูนโดยใช้ CPAC คอนกรีตผสมเสร็จ ชนิด Super Concreteกำลังอัด 240 KG
** มาตราส่วนผสมเพื่อ การอนุมัติ และ ตรวจสอบ กรุณาส่งให้ช่าง ที่หน้างาน เพื่อการจัดซื้อวัตถุดิบในขั้นตอนต่อไป **
งานแท่นตอม่อ คอนกรีต รับแรงอัดสูง
มาตราส่วนผสม ปูน : ทราย : หิน = 1 : 2 : 4
วิธีผสม
- ทำกะบะให้มีขนาดเท่ากับ ปูน 1 ถุง ( 0.038 ลูกบาศก์เมตร ) ทำกะบะแล้วเทปูน ลงในกะบะ 1 ถุง
- จากนั้นตวงทราย 2 กะบะ และ ตวงหิน อีก 4 กะบะ
- ใส่ลงไปในลูกโม่ผสมปูน
- เติมน้ำใส่ น้ำจะต้องเป็นน้ำสะอาด มีสิ่งเจือปนไม่เกิน 2,000 ppm. หรือ เป็นน้ำที่สามารถใช้ดื่มได้
Cement Ratio
ถ้าต้องการ กำลังอัด 200 kg/m2 ใช้อัตราส่วนผสม น้ำ : ซีเมนต์ = 0.6 โดยน้ำหนัก ( เติมน้ำ 60 % )
ถ้าต้องการ กำลังอัด 250 kg/m2 ใช้อัตราส่วนผสม น้ำ : ซีเมนต์ = 0.5 โดยน้ำหนัก ( เติมน้ำ 50 % )
ปูนซีเมนต์ Portland ที่ใช้
ถ้าต้องการแข็งตัวปกติธรรมดา ใช้ “ปูนปอร์ตแลนด์ ตราช้าง” หรือ “ตราพญานาค สีเขียว” หรือ “ตรา เพชรเม็ดเดียว”
ถ้าต้องการแข็งตัวเร็ว ใช้ Super Cement “ปูนซีเมนต์ ตราเอราวัณ” หรือ “ตราพญานาค สีแดง” หรือ “ตรา สามเพชร”
ถ้าเป็นโครงสร้างใกล้ทะเล หรือ น้ำกร่อย ให้ใช้ปูนพอร์ตแลนด์ ประเภท 5 “ปูนซีเมนต์ ตราช้าง สีฟ้า” หรือ “ตราปลาฉลาม”
ควรเคลือบพื้นปูนบริเวณโดยรอบเก็บสารเคมี ด้วย ระบบ Synthetic Flooring เพื่อป้องกันการกัดกร่อนเนื่องจากกรด ด่าง และสารเคมีต่างๆ การเคลือบมีผลทำให้ผิวคอนกรีตมีอายุการ ใช้งานยาวนานขึ้น เป็นการประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษา
SURFACE PREPARATION: การเตรียมผิวก่อนเคลือบกันน้ำมัน และ เคมี
ขั้นตอนการทำงาน ( Procedure )
การเคลือบผิวด้วยสารเคลือบ จะได้ผลตามประสงค์ขึ้นอยู่กับการเตรียมผิวที่จะเคลือบให้ถูกต้องและได้
มาตรฐานตามกำหนดไว้ หลักใหญ่ที่จะต้องคำนึงถึงมีดังนี้ :-
- คอนกรีตที่เทใหม่ ก่อนเคลือบควรมีอายุอย่างน้อย 28 วัน
- ใช้ HCL Acid ทำความสะอาดผิวคอนกรีต ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ใช้น้ำสะอาดล้างอีกครั้ง
- ซับน้ำให้แห้ง แล้วใช้พัดลม หรือ สปอร์ต ไลท์ เป่าหรืออบผิวคอนกรีตให้แห้งสนิท
- ผิวคอนกรีตจะต้องสะอาด แห้ง ปราศจากสิ่งสกปรก คราบน้ำมัน จารบี ไขมัน
2) งานเหล็ก และ สร้างฐานเหล็ก
งานเหล็ก ทาพ่นสีเคลือบกันเคมี เพื่อให้สามารถยืดอายุการใช้งานต่อไปได้ และให้มีความทนทานต่อการเกิดสนิม และ การกัดกร่อนมากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้งานบริเวณที่มี ความชื้น หรือ สารเคมี กัดกร่อนหลายๆตัว ซึ่งมีการเกิดปฎิกิริยา Ion Exchange สูงมาก จากสารละลายผสมของกรดและด่าง ในน้ำ
1) กรณี ทำโครงเหล็กและเสาเหล็กใหม่ทั้งหมด
- การทำโครงและเสาเหล็กใหม่
- การเคลือบ สีภายนอกโครงและเสาเหล็กใหม่
- การทำ Footing ติดตั้งเสาเหล็ก
- การเคลือบผิวป้องกันสนิม และ เคมีกัดกร่อน
2) กรณี ซ่อมแซมบูรณะ โครงเหล็กและเสาเหล็ก
- การเปลี่ยนเสาค้ำเหล็กใหม่
- การเคลือบ สีภายนอกโครงและเสาเหล็กใหม่ (สีหมดอายุแล้ว ควรลอกสี ทำใหม่หมด )
- การทำ Footing ติดตั้งถังภายใน 12 – 18 ช.ม โดยการตั้งเสาแบบ Dummy Support
- การซ่อมเคลือบผิวป้องกันสนิมและเคมีกัดกร่อน
การเคลือบผิวเหล็กป้องกัน สนิม และ เคมีกัดกร่อน
ขั้นตอนการทำงาน ( Procedure )
SURFACE PREPARATION: การเตรียมผิวก่อนเคลือบกันเคมี
การเคลือบผิวเหล็กด้วยสารเคลือบ จะได้ผลตามประสงค์ขึ้นอยู่กับการเตรียมผิวที่จะเคลือบให้ถูกต้องและได้มาตรฐานตามกำหนดไว้ หลักใหญ่ที่จะต้องคำนึงถึงมีดังนี้
ผิวเหล็ก
- ทำการล้างไขมัน และ ลอกสีเก่า ออกจากผิวเดิม
- ใช้ กระดาษทราย หรือ เครื่องพ่นทรายขัดผิวเหล็ก ขัดผิวเหล็กให้ได้ความละเอียดตามมาตราฐาน (Cleanliness) Sa 2 – Sa 2 1/2 Near White, ความหยาบผิว (Profile) 75 – 120 ไมครอน ตรวจสอบความสะอาด ให้เรียบร้อย ขนเศษวัสดุ นำไปกำจัด
- งานเคลือบรองพื้น (Primer) ลงน้ำยารองพื้นเคลือบผิวเหล็ก หนาประมาณ 150 ไมครอน ทันที ภายในเวลา ไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดสนิมเหล็ก
Steel Support Painting : เคลือบคาน-เสา-โครงเหล็กด้วยระบบสีอุตสาหกรรม ความหนา > 150 µm.
- งานเคลือบรองพื้น (Primer) ลงน้ำยาเคลือบรองพื้น หนาประมาณ 50 ไมครอน x 2 เที่ยว
- งานเคลือบทับหน้า ( Top Coating ) ทำการเคลือบทับหน้าด้วยน้ำยาเคลือบทับหน้าอีก 1 ครั้ง หนาประมาณ 75 ไมครอน x 2 เที่ยว
- งาน ตรวจสอบ และ ควบคุมคุณภาพ (Quality Control and Inspection ) ทีมงานตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพ จะต้องตรวจสอบ ระบบงานเคลือบผิวตลอดเวลา ทุกขั้นตอนการทำงาน ตามมาตราฐาน จัดทำรายงาน
ควรมีการตีเส้นเหลืองเพื่อแจ้งอาณาเขตที่ปลอดภัย (Safety Zone) ด้วย Epoxy Yellow line (width 7 cm)
1st layer (Prime Coat) : Solvent Free Epoxy
2nd layer (Top Coat ) : Solvent Free Epoxy + Filler + Pigment
Thickness : 500 micron
รถเครนที่ใช้ยกคานโครงเหล็กและเสาเหล็ก ขนาดใหญ่
การใช้บริการยก คานโครงเหล็กและเสาเหล็ก ขนาดใหญ่ ในบริเวณ ที่ประกอบ และ ติดตั้งเสา –คาน-โครงเหล็ก มุมองศา และ ความสูงในการยก ของแขนบูม ของรถเครน ต้องถูกต้องเหมาะสม โดยดูจากขนาดตัน ของรถเครนยกที่ใช้ และ จำนวน เที่ยวใ���การใช้เครนยก ก่อนทำการยก หรือ พลิก เสา –คาน-โครงเหล็ก
Support beam, Welding and Painting
การทำ Concrete Footing เสริมแรงโครงเหล็กเส้น
ลำดับที่ |
รายละเอียดของงาน ที่ต้องทำ ในการทำ Installation หรือ Renovation |
1 |
ทำแผ่น Footing Plate หัวเสา |
2 |
งานเสาค้ำเหล็ก |
3 |
งานเชื่อมเสาค้ำ กับตัวโครงหลังคา |
4 |
งานทาสี, ลอกสี, ยิงทราย และ ทาสีภายนอก แทนสีที่หมดอายุ ใหม่ ค่าความต้านทานสนิม ( ดูได้จากชนิดของ primer ที่ใช้ ) Salt Spray Resistance หรือ ค่า Normal Saline Smoking (NSS) resistance บอกถึง อายุการใช้งาน ดังนี้:- Iron Oxide Primer > 72 < 120 ชั่วโมง ( หรือ แปลงเป็นระยะเวลาเทียบตามเครื่องเร่งสภาวะ คือ ทนสนิมมากกว่า 3 – 5 ปี ) Zinc Rich Primer > 120 < 200 ชั่วโมง ( หรือ แปลงเป็นระยะเวลาเทียบตามเครื่องเร่งสภาวะ คือ ทนสนิมมากกว่า 5 – 8 ปี ) Epoxy มีผิวแข็ง และ ความทนทานสูง แต่ถ้าถูกแสง UV ก็ใช้งานได้ประมาณ 3 ปี, PU ทนแสง UV ได้ดี แต่ Shelf-life ของ PU ประมาณ 5 ปี |
5 |
ทำ ตอหม้อ เสริมเหล็กเส้น Footing Concrete |
6 |
จากข้อ 3 การเชื่อมเสาค้ำ กับ กับตัวโครงหลังคา จะทำให้เกิดรอยไหม้เป็นบริเวณกว้างจากรอยเชื่อมประมาณ 50 ซ.ม งานเคลือบสี ต้องซ่อมผิว โดยการเจียร์ และ แซะบริเวณที่ไหม้ออก แล้วทำการปะซ่อมผิว และ ทำรองพื้นและเคลือบผิว ใหม่ ( ต้องดูจากหน้างานอีกครั้งหนึ่ง) |
ควรเข้าไปตรวจสอบดูหน้างานที่บริเวณพื้นคอนกรีต ดูจากสภาพถายนอกด้วยสายตาก่อน ถ้าพบว่า บริเวณพื้นดังกล่าวมีสภาพเหลืออยู่ประมาณ 20% แต่โดยปกติพื้นบริเวณที่เคมีกัดกร่อนรุนแรง จะมีสภาพแย่กว่าที่ตาภายนอกเห็นมาก น่าจะเป็นจุดที่วิกฤติ (Critical Point) จุดหนึ่งในโรงงานที่ต้องรีบแก้ไขเป็นอย่างมาก หรือ ทุบทิ้งเพื่อสร้างใหม่
ถ้าดูจากลักษณะที่เป็น แบบ ดังในรูป ปัญหาที่จะพบเมื่อสารเคมีสามารถ รั่วซึมลงสู่ใต้
พื้นคอนกรีตได้แล้ว ในอนาคตอันใกล้จะเป็นดังนี้ :-
- พื้นบริเวณที่มีการแตกรั่วซึมของสารเคมีกัดกร่อน ซึมลงไปใต้พื้น จะค่อยๆแอ่นในลักษณะ “ ตกท้องช้าง ”
ซึ่งการยิงวัดระดับไม่สามารถตรวจจับพบ
การทรุดตัวของพื้นได้ เลยเพราะไม่มีการทรุดตัวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง จะมีก็แต่การค่อยๆแอ่นทีละเล็กทีละน้อย แต่เมื่อตรวจวัดพบการเอียง ก็จะเกิดการเสียหายของโครงเหล็กในคานรับใต้คอนกรีตมาก จนเกินที่จะแก้ไขได้แล้ว (การตรวจโครงสร้างเหล็กทำได้โดยการทำ Non-destructive testing เช่น X-Ray Defraction เป็นต้น)
- บริเวณที่อยู่ใกล้ทะเล แม่น้ำ ลำคลอง หรือ แอ่งน้ำ ระดับน้ำใต้ดิน มีการ ขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา ตามระดับ น้ำทะเล ทำให้เกิด โพรงใต้ดิน ใต้พื้นคอนกรีต ช่วยเสริมให้การทรุดตัวของพื้นเกิดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะพื้นทรงตัวอยู่ได้ด้วยคานเพียงอย่างเดียว (เสาเข็มจะต้องตอกลงไปลงถึงชั้นหิน)
- การแอ่นตัวของพื้นจะช้า หรือ เร็วขึ้นอยู่กับน้ำหนัก(Load) ที่รับ แต่เมื่อเริ่มแอ่นแล้ว จะทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว เนื่องโครงเหล็กเสริมแรงในคอนกรีต เสียสภาพไปแล้ว
- สภาพอากาศก็มีผล โดยมักจะ แอ่น หรือ ทรุด หลังจากฤดูฝนที่ฝนตกหนัก หรือ ช่วงที่มีน้ำมาก ผ่านพ้นไปแล้ว เกิด อากาศแห้งแล้งอย่างหนักตามมา
- การปรับปรุง หรือ ซ่อมแซม พื้น ควรคำนึงถึง ระบบการป้องกันไม่ให้โอกาส น้ำมันและ สารเคมี รั่วซึมเข้าไปยัง เนื้อคอนกรีตได้เลยเสร็จ ควรบุพื้น ด้วยระบบที่ไม่มีตะเข็บ หรือ รอยต่อ (Seamless) เท่านั้น
- เมื่อเปิดหน้างานซ่อม ทางบริษัทฯผู้รับเหมา ควรจะเจาะช่อง เข้าไปยังโพรงใต้พื้น เพื่อสำรวจดูสภาพของ คานรับน้ำหนัก ใต้คอลัมท์ และ หาวิธีป้องกันแก้ไขได้ เช่น ทำ Concrete Repair หรือ Grouting Injection ฯลฯ ตามความเหมาะสมต่อไป
ช่างเทคนิคก่อสร้าง งานปูน (โยธา) ควรเข้าไปตรวจสอบดูก่อนติดตั้งอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจสมบรูณ์ ว่าพื้นจะไม่มีการแอ่นตัว หรือ ทรุดลงในอนาคต และ คิดว่าต่อไปจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อท่านในการดูแลรักษาระบบการผลิตในโรงงานด้วย
ขอแสดงความนับถือ
ฝ่ายงานโครงการ